พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ได้อภิปรายสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 3 ฉบับ เพื่อเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยระบุว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 สร้างความไม่สมดุลของอำนาจอย่างร้ายแรง และเรียกร้องให้รัฐสภาคืนความสมดุลและมอบมรดกที่ดีกลับคืนสู่ประชาชน
[ศาลรัฐธรรมนูญยืนยันอำนาจ แต่ต้องผ่านประชามติ 3 ครั้ง]
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ได้กล่าวทบทวนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568 ลงวันที่ 10 กันยายน 2568 ซึ่งยืนยันหลักการพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยว่า อำนาจ อธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย และรัฐสภามีอำนาจในการริเริ่มหรือแสดงความต้องการเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้
อย่างไรก็ตาม การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่จะต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติให้ความเห็นชอบก่อน โดยต้องมีการจัดให้มีการออกเสียงประชามติถึง 3 ครั้ง ได้แก่ :
ครั้งที่ 1: สอบถามประชาชนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
ครั้งที่ 2: สอบถามเกี่ยวกับวิธีการและเนื้อหาที่สำคัญของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ครั้งที่ 3: หลังจากรัฐสภาจัดทำร่างฉบับใหม่เสร็จแล้ว ให้ประชาชนออกเสียงว่าเห็นชอบกับร่างฯ หรือไม่
อนึ่ง การออกเสียงประชามติครั้งที่ 1 และ 2 อาจดำเนินการพร้อมกันได้ในคราวเดียว
[โครงสร้าง รัฐธรรมนูญ ปี 60: มากเกินไป น้อยเกินไป และไม่มีเลย]
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง วิเคราะห์ว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีโครงสร้างที่บิดเบือนไปจากหลักการปกติ โดยแบ่งปัญหาออกเป็น 3 ส่วนหลัก :
1. มากเกินไป: อำนาจของวุฒิสภา, องค์กรอิสระ, และองค์กรตุลาการสูงเกินไป จนสามารถชี้ชะตาพรรคการเมืองหรือสิ่งที่ประชาชนเลือกมาได้ รวมถึงการใช้ “มาตรฐานทางจริยธรรม” ที่เป็นนามธรรมสูงในการตัดสิทธิ์สมาชิกและอดีตนายกรัฐมนตรี
2. น้อยเกินไป: อำนาจของประชาชน พรรคการเมือง และรัฐบาลเสียงข้างมากถูกจำกัด จนไม่สามารถผลักดันนโยบายที่ไปหาเสียงกับประชาชนได้
3. ไม่มีเลย: ไม่มีกลไกในการตรวจสอบกองทัพ องค์กรอิสระ หรือการปฏิรูปศาล (ในหมวดปฏิรูปไม่มีการพูดถึงศาลเลย) ทั้งที่หน่วยงานเหล่านี้ใช้งบประมาณจำนวนมากต่อปี
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ทำให้ประเทศอยู่ภายใต้กติกาที่ไม่สมดุลระหว่างอำนาจของประชาชนกับอำนาจชนชั้นนำ ประชาชนจึงรู้สึกว่าการเมืองการปกครองเป็นเรื่องของชนชั้นนำและองค์กรอิสระ ไม่ใช่เรื่องของประชาชน
[ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความเหลื่อมล้ำ]
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ชี้ว่า รัฐธรรมนูญ ปี 60 ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรง และก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทั้งในด้านปัจจัย 4, สิทธิเสรีภาพ, ความยุติธรรม, ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์, และความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ระหว่างเมืองกับชนบท
• ด้านการศึกษา: รัฐธรรมนูญ ปี 60 ได้เปลี่ยนหลักการจาก “สิทธิ์เสมอกัน” ในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ม.6 หรือ ปวช.) ไม่น้อยกว่า 12 ปี (ตาม รธน. ปี 40/50) มาเป็น “รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลา 12 ปี” ซึ่งครอบคลุมเพียงการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) ทำให้การศึกษาต่ำลงไปอย่างน้อย 3 ปี ส่งผลให้มีคนดรอปเอาต์ที่ขาดความถ้วนหน้าในระบบถึง 900,000 คน และเสี่ยงที่จะออกอีก 2 ล้านคน
• ด้านเกษตร: รัฐธรรมนูญฉบับก่อนระบุว่ารัฐต้องอุ้มชูเกษตรกรให้ขายผลผลิตได้ราคาสูง แต่มาตรา 73 ของ รธน. ปัจจุบันกลับให้เกษตรกรไปขายในตลาด ซึ่งส่งผลให้ราคายิ่งถูก นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังไม่เอื้อต่อการช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่มีที่ทำกิน และมีการ “ทวงคืนผืนป่า” 40,000 คดี จากชุมชนกว่าหมื่นแห่ง
• ด้านเศรษฐกิจ: การมีวินัยการเงินการคลังและยุทธศาสตร์ชาติทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นไปได้ยาก งบประมาณส่วนใหญ่เป็นงบรายจ่ายประจำที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อข้าราชการและนายทุน ขณะที่งบลงทุนลดลง ทำให้เกิดระบบที่เรียกว่า “เสือนอนกิน” หรือระบบสัมปทาน
[เสียงสะท้อนจากชายแดนใต้: ไม่รับร่าง รธน. ปี 60]
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ได้ยกตัวอย่างความแตกต่างทางความเห็นในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2560 (หรือ ปี 59) โดยชี้ให้เห็นว่าแม้ว่าจังหวัดส่วนใหญ่ในภาคใต้จะรับร่างฯ ด้วยคะแนนสูง (เช่น ชุมพร 90%, นครศรีธรรมราช 88%) แต่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมีผลตรงกันข้าม
• ปัตตานี: เห็นชอบเพียง 35% แต่ไม่เห็นชอบสูงถึง 65% เศษ
• นราธิวาส: เห็นชอบเพียง 36%
• ยะลา: เป็นจังหวัดที่ติดอันดับไม่เห็นชอบ
การไม่รับร่างฯ ในพื้นที่ชายแดนใต้ขณะนั้นสะท้อนถึงความกังวลว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะผลกระทบด้านศาสนา, การศึกษา, สาธารณสุข, เกษตร, การปกครองส่วนท้องถิ่น, ระบบเศรษฐกิจ, และการเมืองการปกครองในพื้นที่
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ย้ำว่า ปัจจุบันและอนาคตคือความรับผิดชอบของรัฐสภาที่จะต้องมอบมรดกที่ดีคืนสู่ประชาชน รัฐธรรมนูญที่ดีจะต้องสามารถตอบสนองบริบทของคนไทยและสากลได้ และจะต้องมีการแบ่งปันทรัพยากร ซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของแผ่นดินให้กับประชาชน โดยเฉพาะการมีสิทธิมนุษยชนทางด้านเศรษฐกิจที่จะประกาศว่าไม่ให้ใครต้องมีความยากจน
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่แก้มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ของทั้ง 3 ร่าง โดยเสนอให้คณะกรรมาธิการใช้เวลาไม่เกิน 45 วันในการจัดทำร่างที่จะนำไปถามประชามติในวาระที่ 2 เพื่อให้กระบวนการเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว และหวังว่ารัฐบาลชุดหน้าเมื่อมีการร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ควรยุบสภาเพื่อให้มีการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ตามที่ประชาชนเรียกร้องมานาน