ชาติของประชาชน

บนฐานสังคมพหุวัฒนธรรม

อ่านหนังสือจบ 1 เล่ม ได้พักโทษเพิ่ม 1 วัน โบนัส ”คนหลังกำแพง”
หลายคนบอกว่า ไม่มียุคใดที่คนระดับรัฐมนตรีจะให้ความสนใจและให้โอกาส “ผู้ต้องขัง” หรือ “คนหลังกำแพง” มากเท่ายุคนี้อีกแล้ว
นั่นก็คือยุคที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลกรมราชทัณฑ์ รวมถึงหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมหลังคำพิพากษา เช่น กรมคุมประพฤติ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นต้น
แม้ พ.ต.อ.ทวี จะเป็นอดีตตำรวจ และเป็นอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ซึ่งน่าจะถนัดและมีแนวคิดเชิงบังคับใช้กฎหมายในแบบ “อำนาจนิยม”
แต่แท้ที่จริงแล้วกลับตรงกันข้าม เพราะ พ.ต.อ.ทวี เป็นคนที่เคารพสิทธิมนุษยชน เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมองคนทุกคนเท่ากัน มอง “คนหลังกำแพง” เป็นผู้ก้าวพลาด จึงกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาแตกต่างจากในอดีตแทบจะสิ้นเชิง
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำ ซึ่งถูกมองเป็นพลเมืองชั้นที่เท่าไรก็ไม่รู้ในสังคมไทย แต่ พ.ต.อ.ทวี เลือกแนวทางการให้โอกาส เพราะเชื่อว่าคนทุกคนเป็นคนดีได้ กลับตัวกลับใจได้ ที่ทำผิดไปเป็นเพราะพลั้งพลาด หรือความจำเป็นบังคับ มีเพียงส่วนน้อยที่กระทำโดยสันดาน
“โอกาส” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ พ.ต.อ.ทวี มอบให้ นอกจากการ “เยี่ยมญาติใกล้ชิด” โดยเปิดเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ต่อเนื่องมาแล้ว เพื่อใช้พลังของครอบครัวเป็นกำลังใจและปรับพฤตินิสัยคนหลังกำแพง
ยังมีอีกหนึ่ง “โอกาส” ที่สำคัญอย่างยิ่งและช่วยยกระดับสังคมทางอ้อม นั่นก็คือ “โอกาสทางการศึกษา” ที่จัดให้อย่างเป็นระบบ จัดหลักสูตรให้เหมาะกับผู้เรียน เพราะเรียนได้ทุกวัน ไม่มีปิดเทอมเหมือนโรงเรียนทั่วไป
เรือนจำและทัณฑสถานไทยในยุคนี้จึงกลายเป็นสถานศึกษาซึ่งมีนักเรียนมากที่สุดในประเทศไทย นั่นก็คือมากกว่า 2 แสนชีวิต
ล่าสุด พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ม.ค.2568 ที่ผ่านมา โดยลงไปตรวจเยี่ยมเรือนจำจังหวัดนราธิวาส และเจ้าตัวได้ประกาศนโยบายใหม่จูงใจ “คนหลังกำแพง” ให้รักการอ่าน เพิ่มพูนความรู้ ด้วยการกำหนดให้ผู้ต้องขังอ่านหนังสื่อ 1 เล่มสามารถพักโทษ 1 วัน เพื่อสร้างคลังความรู้อย่างยั่งยืน
พ.ต.อ.ทวี กล่าวเรื่องนี้บนเวทีตอนหนึ่งระหว่างพบปะผู้ต้องขังและครอบครัวคดีความมั่นคงในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส
“ขณะนี้กำลังผลักดันว่า ถ้าใครอ่านหนังสือ 1 เล่ม ไม่ว่าจะอ่านอัลกุรอาน หรืออ่านหนังสืออะไรก็ตาม ถ้าอ่านหนังสือ 1 เล่ม อาจจะให้มีโอกาสพักโทษ 1 วัน เพราะชีวิตหลังพักโทษต้องออกไปอยู่ข้างนอก จึงจำเป็นต้องมีความรู้”
นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ การพักหนี้ให้กับ “คนหลังกำแพง” เพราะถือว่าไม่ได้สามารถทำงานเพื่อหาเงินชำระหนี้ได้ระหว่างต้องโทษอยู่ในเรือนจำ โดยเฉพาะหนี้ กยศ. แม้จะปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ผู้ต้องขังในเรือนจำก็ยังคงไม่มีรายได้ พ.ต.อ.ทวี จึงสั่งให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิจารณาสิทธิพิเศษให้กับคนกลุ่มนี้
“อยู่ข้างในเรือนจำก็ไม่มีเงินส่ง ต้องให้ กยศ.ปรับโครงสร้างหนี้ แล้วต้องพักหนี้ให้เขาไปก่อนระหว่างที่ต้องอยู่ในนี้ ซึ่งกลุ่มที่อยู่ในราชทัณฑ์ ฝาก ผบ.เรือนจำ ทำเรื่องพิเศษยกเว้นระหว่างอยู่ในนี้ แต่วันนี้ให้ปรับโครงสร้างหนี้ ปลดผู้ค้ำไปก่อน เพราะเขาอยู่ข้างใน อาจจะต้องต่างจากคนข้างนอก อยู่ในนี้เขาไม่สามารถประกอบอาชีพได้ เขาไม่มีรายได้ อาจจะต้องให้เขาพักหนี้ก่อนระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ พอออกไปสัก 2 ปีค่อยส่งใหม่”
เพราะทุกคนเท่ากัน…นี่คือ “โอกาส” ที่รัฐมนตรียุติธรรมมอบให้ “คนหลังกำแพง”

#ประชาชนประชาชาติ

Picture of โดย  พรรคประชาชาติ

โดย พรรคประชาชาติ

Facebook