ชาติของประชาชน

บนฐานสังคมพหุวัฒนธรรม

บอร์ด กคพ. มีมติวินิจฉัยชี้ขาด กรณีสมคบฟอกเงินของกลุ่มอั้งยี่ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งวุฒิสมาชิก เป็นคดีพิเศษ
วันนี้ (6 มีนาคม 2568) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 10-01 กระทรวงยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 3/2568 โดยมี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองประธานกรรมการฯ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม และกรรมการคดีพิเศษ รวมถึง พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการและเลขานุการ พร้อมกรรมการรวม 18 คนเข้าร่วม
การประชุมครั้งนี้เป็นการพิจารณากรณีร้องขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 (สำนวนสืบสวนที่ 151/2567) ซึ่งก่อนหน้านี้ ที่ประชุม กคพ. ได้ให้ดีเอสไอรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และนำเสนอผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง ก่อนเสนอที่ประชุมเพื่อวินิจฉัยชี้ขาดอีกครั้ง
ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเท็จจริงและเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีมูลความผิดทางอาญาฐานอั้งยี่ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานของการฟอกเงิน คณะกรรมการจึงเห็นชอบให้ปรับชื่อเรื่องเป็น “กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง” และมีมติให้เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
นอกจากนี้ คดีอาญาอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น ความผิดฐานอั้งยี่ตามมาตรา 209 ความผิดตามมาตรา 116 และการฟอกเงินที่เกี่ยวกับกระบวนการได้มาของสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 วรรคท้าย จะถือเป็นคดีพิเศษที่สามารถสอบสวนต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องมีมติใหม่
อย่างไรก็ตาม หากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบความผิดตามมาตรา 77 (1) ของกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้แจ้ง กกต. ทราบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
Picture of โดย  พรรคประชาชาติ

โดย พรรคประชาชาติ

Facebook