พรรคประชาชาติ

ชาติของประชาชน บนฐานสังคมพหุวัฒนธรรม

(วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก โรงแรมสยามริเวอร์รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ว่า เมื่อเวลา 09.30น. ที่ผ่านมา นายมนตรี บุญจรัส กรรมการบริหารพรรคประชาชาติ และ รองโฆษกพรรคประชาชาติ, ที่ปรึกษากรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม และ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย ในฐานะ ผู้แทนพรรคประชาชาติ เดินทางมาเสวนา “โครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน : ระดมสมอง หาทางออก แก้หนี้ แก้จน เพื่อชีวิตใหม่” โดยมีแกนนำและตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน รวมถึงประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมอย่างคึกคัก อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ฯลฯ เป็นต้น

นายมนตรี บุญจรัส กรรมการบริหารพรรคประชาชาติ และ รองโฆษกพรรคประชาชาติ ระบุว่า “ภาครัฐควรมุ่งเน้นการให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรของประเทศ รวมถึงการลดต้นทุนการผลิต ทั้งนี้

ภาคเกษตรถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยเนื่องจากเป็นต้นทางของปัจจัยในการดำรงชีวิต ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค รวมทั้งยังเป็นแหล่งรองรับแรงงานจากภาคการผลิตอื่น ๆ และไม่ว่าราคาผลผลิตจะตกต่ำอย่างไร เกษตรกรควรต้องมีกำไร การลดต้นทุนการผลิตที่สำคัญ คือ การส่งเสริมสนับสนุนแนวคิดการลดต้นทุนปุ๋ยเคมีให้เป็นศูนย์ ซึ่งประเทศไทยมีแหล่งแร่โพแทสเซียมจำนวนมหาศาล อยู่ที่แอ่งชัยภูมิและแอ่งโคราช รัฐจึงควรเร่งสร้างโรงงานปุ๋ยผลิตเองและนำไปบาร์เตอร์กับแม่ปุ๋ยตัวอื่น ๆ เช่น ไนโตรเจนและ ฟอสฟอรัสจากประเทศผู้ส่งออก และให้ความสำคัญจากผลพลอยได้ แม่ปุ๋ยไนโตรเจน (N) ที่ได้จากการผลิตน้ำมัน สามารถนำมาใช้ในภาคการเกษตรให้มากขึ้น แทนที่จะไปเป็นสารตั้งต้นให้กลุ่มอุตสาหกรรมมากเกินไป เพื่อให้ปุ๋ยในประเทศมีราคาถูก เพื่อมุ่งลดต้นทุนให้เกษตรกร รวมถึงรัฐควรมีนโยบายส่งเสริมเรื่องการคืนสิทธิ์ที่ดินทำกินและโครงการล้างหนี้ให้เกษตรกรตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ด้วย”

นายมนตรี บุญจรัส กล่าวเพิ่มเติมว่า “ภาครัฐควรดำเนินนโยบายขับเคลื่อนภาคเกษตร ในมิติต่าง ๆ ทั้งการสนับสนุนปัจจัยพื้นฐานของการทำเกษตร การบริหารจัดการน้ำ และการพัฒนาระบบขนส่ง ทั้งระบบขนส่งทางรางและท่าเรือน้ำลึก การส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนาช่องทางการตลาดที่หลากหลาย ตลอดจนการแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่ออาชีพเกษตรกรครับ”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายมนตรี บุญจรัส กรรมการบริหารพรรคประชาชาติ และ รองโฆษกพรรคประชาชาติ ได้เดินเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรบ้านดอนกอก หมู่ที่7 ตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งดำเนินโครงการปลูกสมุนไพรและขยายพันธุ์สมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืน และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ ศรีไพรเฮิร์บ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากสมุนไพรและสมุนไพรมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ Organic Thailand ด้วย ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรแบบอินทรีย์ จังหวัดชัยภูมิ มีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ กลุ่มมีความพร้อม มีศักยภาพการบริหารจัดการภายในกลุ่ม สามารถขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันได้ มีส่วนร่วมของสมาชิก มีความเป็นเอกภาพ และเห็นประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน

นอกจากนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังได้ร่วมกันรับหนังสือร้องเรียน ความเดือดร้อนจากกลุ่มพี่น้องเกษตรกรบึงละหาน จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของประเทศไทย มีเนื้อที่ 29.09 ตารางกิโลเมตร และ กลุ่มเกษตรกร บ้านซาด ตำบลส้มป่อย อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ รวมทั้งรับเรื่องร้องเรียนปัญหาคลองส่งน้ำชลประทาน ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิด้วย

#ประชาชนประชาชาติ