พรรคประชาชาติ

ชาติของประชาชน บนฐานสังคมพหุวัฒนธรรม

“พ.ต.อ.ทวี” เสนอนักวิจัยวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต เปลี่ยนวิธีคิด

“ดูแลอนาคตของชาติ” จากแนวทางเดิมจัดงบอุดหนุนสถานรับเลี้ยงเด็ก ให้จ่ายเงินเดือนแม่เด็ก หรือครอบครัว ปู่ย่าตายายที่ช่วยกันเลี้ยงแทน เหตุไม่มีใครรักลูกเท่าพ่อแม่และคนในครอบครัว มั่นใจมีคุณภาพในการพัฒนาเด็กเล็กมากกว่า

          พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ เสนอเรื่องนี้ระหว่างเข้าร่วมรับฟังการรายงานโครงการวิจัย “การทบทวนสถานการณ์ โอกาส ความท้าทายและการแก้ไขปัญหาการดูแลเด็กเล็กเพื่อแรงงานสตรีในประเทศไทย” (A review of the current situations, challenges, and solution for childcare services to support women’s workforce participation in Thailand) ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ก.ย.65

พ.ต.อ.ทวี เสนอความคิดเห็นต่อการวิจัยตอนหนึ่งว่า อยากให้ทางโครงการวิจัยลองศึกษาดูว่า เด็กที่อยู่กับพ่อแม่ กับเด็กที่ถูกนำไปฝากไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก แบบไหนสร้างคุณค่าให้กับเด็กมากกว่า เพราะมาตรฐานของสถานดูแลเด็กเล็กแต่ละแห่งมีไม่เท่ากัน แต่คนที่รักเด็ก รักลูกมากที่สุด หนีไม่พ้นพ่อแม่ และคนในครอบครัว 

“สังคมไทยเป็นครอบครัวขยาย มีพ่อแม่ ปู่ย่าตายายดูแลเด็กได้ ถ้าได้ข้อมูลตรงนี้ แทนที่จะส่งเงินไปสู่สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือท้องถิ่น ก็อาจส่งให้พ่อแม่โดยตรง เพราะไม่มีใครรักลูกเท่ากับพ่อแม่ อยากให้ลองศึกษาว่าจะให้พ่อแม่ดูแลอย่างไร  ทุ่มงบประมาณให้พ่อแม่ ให้แม่มีเงินเดือนเลยได้หรือไม่”

“ปัจจุบันอัตราการเกิดต่ำกว่าอัตราการตาย และจะเป็นทิศทางในลักษณะนี้ แต่เราไม่มีนโยบายเจริญพันธุ์แต่ละช่วงอายุ ผมอยากเสนอให้ดูแลเด็ก 0-7 ขวบ แบบประเทศสิงคโปร์ ควรจะมีเงินดูแล เพราะแม่ต้องลางานมาเลี้ยงลูก ผมอยากให้พ่อมาเลี้ยงลูกด้วย จึงควรมีนโยบายตรงนี้” เลขาธิการพรรคประชาชาติ ระบุ

พ.ต.อ.ทวี ยังเรียกร้องว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ควรกระจายอำนาจการดูแลเด็กไปท้องถิ่น แล้วให้ พม.ไปดูมาตรฐาน โอนงานดูแลเด็กไปในพื้นที่ เด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงอายุ 2 ปี ก่อนเข้าอนุบาล เป็นช่องว่าง น่าคิดว่าในช่องว่างนี้จะทำอย่างไร เพราะเป็นช่วงที่เด็กมีพัฒนาการมากที่สุด

“มุมมองของพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาชาติ ทางออกของประเทศอยู่ที่การสร้างคน สร้างมนุษย์ให้มีคุณค่า มีความรู้ ไม่ควรไปมุ่งสร้างเมือง เพราะถ้าสร้างคนให้มีความรู้และมีคุณค่า คนจะไปสร้างเมืองเอง ที่ผ่านมาเรามุ่งสร้างเมือง มีแต่ความเหลือมล้ำ ทั้งการศึกษา ทั้งคุณภาพชีวิต ทั้งที่เราควรจะดูแลตั้งแต่เกิดจนถึงหลุมฝังศพอย่างเท่าเทียม”

สำหรับกิจกรรมรายงานโครงการวิจัย “การทบทวนสถานการณ์ โอกาส ความท้าทายและการแก้ไขปัญหาการดูแลเด็กเล็กเพื่อแรงงานสตรีในประเทศไทย” ครั้งนี้ เป็นการรายงานเบื้องต้นต่อเวทีสาธารณะครั้งที่ 1 โดยผู้บริหารและคณาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้แก่ ผศ.ดร.รัตพงษ์ สอนสุภาพ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ, ผศ.ดร.ฉัตรวรัญช์ องคสิงห ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัญชาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง, ผศ.ดร.ชุลีรัตน์ เจริญพร ผู้อำนวยการหลักสูตรศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต และมี อาจารย์ สุนี ไชยรส รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม เป็นผู้ดำเนินรายการ

โครงการวิจัยนี้ จัดโดย มูลนิธิเอเชีย ร่วมกับวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ภายใต้ความร่วมมือกับศูนย์ฝึกอบรมอาเซียนด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม

ส่วนคณะของพรรคประชาชาติที่เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย นายมนตรี บุญจรัส รองโฆษกพรรคประชาชาติ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม และกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย, นางสาวธนัญญรัชช์ เศรษฐาธิรัชฎ์ คณะทำงานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ด้านสังคม เด็กและเยาวชน การศึกษา สตรี ผู้สูงอายุ ศาสนา สาธารณสุข ท่องเที่ยวและกีฬา พรรคประชาชาติ, นายไชยพล เดชตระกูล นายพลรักษ์ รักษาพล คณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคประชาชาติ เเละ นายสูฮัยมี ลือเเบซา เลขาธิการกลุ่ม Next Gen

นอกจากนั้นยังมีนักวิชาการ ผู้ปฏิบัติงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาศูนย์เด็กเล็ก กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน และผู้ที่สนใจ เข้ารับฟังและให้ข้อเสนอแนะต่อโครงการวิจัยนี้เป็นจำนวนมาก

#ประชาชนประชาชาติ