พรรคประชาชาติ

ชาติของประชาชน บนฐานสังคมพหุวัฒนธรรม

“พรรคประชาชาติ” ประชุมยุทธศาสตร์นโยบายฯ หนุนรัฐสวัสดิการ-แก้ปัญหา กยศ. ช่วยประชาชน

           (28 มิถุนายน 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานพรรคประชาชาติ กรุงเทพฯ ว่า เมื่อเวลา 14.00น. ที่ผ่านมา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานการประชุมคณะทำงาน การจัดทำยุทธศาสตร์เตรียมการเลือกตั้ง พรรคประชาชาติ พร้อมด้วย พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ และคณะทำงานด้านการจัดทำนโยบาย 

ของพรรคประชาชาติ ทั้ง 7 ด้าน อาทิ 1)ด้านการบริหารและการปกครอง 2)ด้านกฎหมาย รัฐธรรมนูญ และกระบวนการยุติธรรม 3)ด้านเศรษฐกิจภาพรวม หนี้สิน แรงงาน ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการเกษตร 4)ด้านสังคม เด็กและเยาวชน การศึกษา สตรี ผู้สูงอายุ ศาสนา สาธารณสุข ท่องเที่ยวและกีฬา 5)ด้านความขัดแย้งทางการเมือง และเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ 6)ด้านการต่างประเทศ และ 7)ด้านนโยบายด้านการสื่อสารมวลชน และเทศโนโลยีสารสนเทศ โดยนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวขอบคุณ คณะทำงานทุกท่านที่ช่วยกันทำงานเพื่อพรรค และมีการนำเอาเรื่องรัฐสวัสดิการ มาใช้เป็นตัวกำหนดกรอบนโยบายของพรรคสำหรับการเลือกตั้งในครั้งหน้า ที่พวกเรามั่นใจและชัดเจน ทั้งเรื่องการศึกษา กยศ. ที่จะทำให้เราหาเสียงได้ทั่วประเทศ ซึ่งบางพื้นที่ทั่วประเทศเราจะส่งผู้สมัครด้วย ขณะที่พันตำรวจเอกทวี กล่าวระหว่างการประชุมว่า นโยบายของพรรคประชาชาติให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยเรามีการแบ่งคณะทำงาน และมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาช่วยผลักดันนโยบายแต่ละด้านด้วย รวมทั้งขอบคุณคณะทำงานทุกนโยบายด้วย

         พันตำรวจเอกทวี กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นช่วยเหลือเยาวชน และประชาชนเรื่อง กยศ. ว่า แม้ในขณะที่สภาผู้แทนราษฏรกำลังเร่ง ร่าง พ.ร.บ.กยศ.ฉบับใหม่ขึ้นมา บางฝ่ายก็ยังมีมุมมองต่อลูกหนี้ที่ไม่ดี ซึ่งเมื่อได้เอาข้อเท็จจริงมาแจกแจงดูจะพบได้เลยว่า กยศ. ปัญหาดอกเบี้ย และเบี้ยปรับได้สร้างปัญหาให้กับเยาวชน ซึ่งจะโตเป็นกำลังสมองของประเทศชาติต่อไป ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นเป็นกลุ่มลูกหนี้ กยศ ที่ถูกฟ้อง ดำเนินคดี มีคำพิพากษาและอยู่ชั้นบังคับคดี ประมาณมากกว่า 1 ล้านรายที่ไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายต่างๆที่ทาง กยศ. ได้ออกมาในช่วงวิกฤตโรคระบาดโคโรน่าไวรัส (โควิด) นำมาซึ่งการถูกอายัดบัญชีและยึดทรัพย์กว่าหลายหมื่นราย แม้ว่าลูกหนี้จะพยามใช้หนี้แต่กลับกลายไปตัดชำระเพียงในส่วนเบี้ยปรับ ซึ่งในบางรายสูงเท่าเงินต้น หรือมากกว่าเงินต้น เท่าตัว ลูกหนี้จึงไม่อาจหลุดพ้นจากวงจรหนี้ได้ หลายรายที่ท้อ และยอมโดนยึดทรัพย์

       แต่ความหายนะยังไม่จบเพียงเท่านี้เมื่อ กยศ. อาศัยกฎหมายไล่บี้อายัดบัญชีลูกหนี้ ทำให้ลูกหนี้หลายคนที่ลำบากกันอยู่แล้วลำบากแสนสาหัส จากต้นคิดที่ดี ในการให้โอกาสทางการศึกษา กลับกลายเป็นลูกหนี้ กยศ. ทำให้ไร้อนาคตเป็นการส่งต่อความความยากจนอย่างเรื้อรัง มติกรรมาธิการให้มีดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อปี

ไม่มีเบี้ยปรับและไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน และมีบทเฉพาะกาลให้ใช้กับลูกหนี้ก่อนร่าง พรบ กยศ นี้ด้วย ซึ่งจะส่งผลช่วยลูกหนี้ที่ถูกดำเนินคดี ถูกฟ้อง มีคำพิพากษาแล้วและถูกบังคับคับดคีมากกว่า 2 ล้านคนได้รับประโยชน์ อีกด้วย” 

#ประชาชนประชาชาติ