พรรคประชาชาติ

ชาติของประชาชน บนฐานสังคมพหุวัฒนธรรม

ความสามารถและจริยธรรมไม่เกี่ยวอายุ ส่วนกระแสข่าวประชาชาติได้เก้าอี้ รมต.ยุติธรรม เผยยังไม่มีการพูดคุย วันนี้เป็นการนำ MOU 23 ข้อมาคุยลงรายละเอียด เพื่อเร่งแก้ปัญหาให้ประชาชน

เมื่อเวลา 13.25 น. วันที่ 30 พ.ค.66 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในฐานะพรรคเจ้าภาพใช้สถานจัดประชุมที่พรรคประชาชาติว่า วันนี้ใช้สถานที่ของพรรคประชาชาติในการประชุมความคืบหน้าจัดตั้งรัฐบาลของแต่ละพรรค ซึ่งวาระการรประชุมคงจะคุยเรื่องการเปลี่ยนผ่าน การเตรียมการไปสู่รัฐบาลใหม่ ที่ต้องยอมรับว่า หากเราดูในกลุ่มที่เลือกพรรคการเมือง 72% คน เลือกทั้ง 8 พรรคร่วมรัฐบาลนี้ มาเพื่อให้เป็นรัฐบาลและเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน

“ในการประชุมวันนี้พรรคก้าวไกล อยากใช้สถานที่ เพราะการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ มุ่งเปลี่ยนด้วยนโยบาย ซึ่งจะมีการรายงานความคืบหน้า แต่บางประเด็นต้องอยู่ในวงประชุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราให้เกียรติพรรคอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล แต่สิ่งที่ได้รับการประสานงานมาคือ จะมีการนำ MOU ทั้ง 23 ข้อ มาลงในรายละเอียด ว่าจะทำอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน เพราะทั้ง 23 ข้อเป็นเรื่องสำคัญที่แต่ละพรรคได้ไปหาเสียงไว้ โดยจะนำนโยบายต่างๆมาจัดทำและหารือกันในวันนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกลจะมานำเสนอ เพราะนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นประธานการประชุม”

เมื่อถามว่า พรรคประชาชาติ มีความสนใจจะทำเรื่องเฉพาะด้านไหนหากจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแล้ว พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า วันนี้ต้องแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความยากจน การเอารัดเอาเปรียบ และพรรคประชาชาติ มีประเด็นปัญหาภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะต้องนำความหวัง กลับมาให้ประชาชน

“ทั้งนี้มองว่า 4 ประเด็นใหญ่ที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาบริหารงานผิดพลาด คือ การบริหารงานแบบรวมศูนย์ รัฐบาลที่แล้วให้ข้าราชการเป็นใหญ่ งบรายจ่ายประจำสูงถึง70% คุณภาพการศึกษา ที่เป็นการศึกษาเชิงชาตินิยม และปัญหาการทุจริตคอรปชั่น โดยเฉพาะราคาพลังงานที่ผลักภาระให้ประชาชน รวมถึงปัญหายาเสพติดที่แพร่ระบาดอย่างมาก และไม่มีความจริงจังในการแก้ปัญหา รวมถึงปัญหาในภาคใต้ จึงจะต้องเร่งทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้จะต้องไปหารือในการจัดทำนโยบาย

เมื่อถามว่าตำแหน่งประธานสภา เป็นเรื่องที่จะมีการพูดคุยวันนี้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันระหว่างพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทย ซึ่งเรื่องนี้ยังมีเวลา พร้อมมองว่า ประธานสภาต้องเป็นกลางในการปฏิบัติ เพราะเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ตำแหน่งนี้จึงมีความสำคัญ ถ้าทั้งสองพรรคตกลงกันได้ก็เป็นเรื่องที่ดีและตามหลักเกณฑ์จะต้องเป็น บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ มีหลักจริยธรรม มีแค่ 3 หลักเกณฑ์นี้ ไม่มีอายุมากอายุน้อย

เมื่อถามถึงกระแสโผ ครม. ที่พรรคประชาชาติจะมีเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม 1 ที่นั่งนั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้พูดคุย แต่พรรคประชาชาติ มี ส.ส.9 คน และเป็นเรื่องที่จะต้องเอางานมาดูกัน เพราะหลายเรื่องยังไม่มีความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรมและมีความไม่เป็นธรรมในเรื่องการบริหาร ความไม่เป็นธรรมในเรื่องการออกกฎหมาย ซึ่งทุกกระทรวงต้องร่วมกันแก้ไข

“ยกตัวอย่าง เช่น พ.ร.บ.กยศ.ที่ ระบุว่า ไม่ได้ให้ กยศ.ยุบไป กยศ.ยังมีกำไรอยู่โดยเฉพาะคนที่กู้ไปแล้วกว่า 6.2 ล้านคนและผู้ค้ำประกันอีกกว่า 2 ล้านคน เวลาหนี้เก่าที่ใช้เราไปเขียนเลยว่า ในอดีตเวลาใช้หนี้ต้องใช้เบี้ยปรับก่อน แล้วค่อยใช้ดอกเบี้ยและเงินต้น ตามลำดับ ดังนั้นหากบางคนกู้ กยศ.มา 2 แสนบาท ส่งหนี้ไป 3 แสนบาทแล้ว แต่ยังเหลือเงินต้นอีก 2 แสนบาท เราก็พร้อมหลักเกณฑ์ใช้หนี้ใหม่ให้ใช้เงินต้น ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับใหม่ และเขียนผูกมัดยกเลิก มาตรา 44 เดิม เพื่อใช้เกณฑ์ใหม่ ดังนั้นผู้ที่ส่งหนี้เก่าจนเกินเงินต้น ต้องมีการคำนวณใหม่”

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถตกลงตำแหน่งประธานสภาได้ และเมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พูดว่า หากมีส้มหล่นก็พร้อมที่จะรับตำแหน่งต่อนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนไม่ได้อยู่รับใช้รัฐบาล แต่รัฐบาลต้องรับใช้ประชาชน ในกรณีนี้ประชาชน 72% เขาเลือกทั้ง 8 พรรคการเมืองนี้มาแล้ว

“ผมคิดว่าคงไม่มีส้มหล่นนะ แต่ว่าพรรคส้มคงจะเป็นนายกฯครับ” เลขาธิการ พรรคประชาชาติกล่าว