“พรรคประชาชาติ”รวมพลังเครือข่ายตาดีกาชายแดนใต้ มุ่งสร้างความเข้าใจ สนับสนุนในทุกมิติ

พรรคประชาชาติจัดกิจกรรมรวมพลัง “อุมมะฮ์ ปุสตากอ” ประกาศสนับสนุนเครือข่ายโรงเรียนตาดีกา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ “วันนอร์” ลั่นต้องรักษามรดกทางการศึกษานี้ไว้ให้ได้ ย้ำ “การเมืองกับศาสนา” เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน แยกกันไม่ออก ขณะที่ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ชูการศึกษาเป็นทางออกดับไฟใต้ และเป็นคำตอบของประเทศ


ที่ห้องประชุมมูลนิธิมะทา วันอาทิตย์ที่ 5 มิ.ย.65 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบยบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค, นายมุข สุไลมาน ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู รองหัวหน้าพรรค, นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ส.ส.ปัตตานี เขต 4, นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส เขต 3, นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส เขต 4, นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา เขต 2, นายอับดุลอายี สาแม็ง ส.ส.ยะลา เขต 3, นายมูฮำมัดอารีฟีน จะปะกิยา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดปัตตานี เขต 2, นายเจ๊ะซู ตาเหย็บ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 2, นายสุไลมาน บือแนปีแน ว่าที่ผู้วสมัคร ส.ส.ยะลา เขต 1 ร่วมกิจกรรม Pertemuan Ummah ปุสตากอ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือการรวมพลังประชาชาติเครือข่ายโรงเรียนตาดีกา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้


ภายในงานมีปาฐกถาพิเศษโดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง และ ส.ส.ทั้ง 5 คนของพรรคประชาชาติ ขณะที่ นายอิบรอเฮม รอมลี ได้ทำพิธีอัญเชิญอัลกุรอาน และ นายอับดุลมูไฮมีน สาและ ประธานเปอร์กาซอ (องค์กรที่ดูแลโรงเรียนตาดีกาใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้) ขึ้นกล่าวรายงาน และรับฟัง “อานาซีต ประชาชาติ” มีการอ่านบทกวี และ ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู ได้กล่าวถึงพรรคประชาชาติกับการอนุรักษ์ภาษามลายูด้วย
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้พบปะตัวแทนโรงเรียนตาดีกา เปอร์กาซอ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอีกหลายองค์กร ไม่ได้มีแค่ 400 คนที่อยู่ในห้องประชุมนี้เท่านั้น แต่มีทั่วโลก ทั่วอาเซียน ทั่วประเทศไทยที่ได้รับทราบข่าวการร่วมพบปะกันในครั้งนี้ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กของพรรคประชาชาติ และเฟซบุ๊กของมาเลเซีย




“การพบปะของเราครั้งนี้เป็นการพบปะ แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย การพบปะลักษณะนี้จะมีการพบปะอีกหลายๆ ครั้ง เพื่อสร้างความเข้าใจกัน ส่งเสริมสนับสนุนกันในทุกมิติ การพบปะของพวกเราจะเกิดขึ้นกันอีกยาวนาน เรารู้ว่าการต่อสู้ดำเนินมาอย่างยากลำบากเพื่อสร้างโรงเรียนตาดีกาจนถึงทุกวันนี้ คนในอดีต 50–100 ปีที่แล้วลำบาก แต่ก็รักษาให้มาถึงพวกเรา เราจะรักษาต่ออย่างไรให้โรงเรียนตาดีกา ของพวกเราเข็มแข้ง เติบโต และมีความก้าวหน้าอย่างยาวนาน ทั้งหมดนี้ย่อมขึ้นอยู่กับพวกเรา วันนี้แม้มีคนสนับสนุน แต่ก็มีคนที่ไม่เข้าใจ จะทำลายโรงเรียนตาดีกาก็มี”
“บางคนบอกว่า การเมืองมายุ่งเกี่ยวกับศาสนาไม่ได้ ศาสนาไม่ควรจะส่งเสริมการเมือง ศาสนาต้องแยก ซึ่งนั่นไม่ใช่หลักการของอิสลาม หนึ่งพันปีมาแล้วที่ศาสดาของเรา นำศาสนาอิสลามและการเมืองไปด้วยกัน มีคำพูดของผู้รู้ท่านหนึ่ง ถ้าการเมืองเข้มแข็ง ศาสนาก็จะเข้มแข็ง ถ้าการเมืองอ่อนแอ ศาสนาก็จะอ่อนแอด้วย และถ้าประชาชนไม่เข้าใจการเมือง เราก็จะได้ผู้นำที่ไม่สนใจศาสนา ไม่สนใจประชาชน ถ้าเรารักประชาชน รักศาสนา เราเลือกพรรค เลือกผู้แทนของประชาชนที่เข้าใจการเมือง” หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าว

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กล่าวว่า ตั้งแต่พรรคประชาชาติก่อกำเนิดขึ้น เราเชื่อมั่นว่ามนุษย์มีความสำคัญ มนุษย์มีคุณค่า มนุษย์ต้องได้รับการพัฒนา เราจะเห็นว่าการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาของประเทศต้องใช้การศึกษาเป็นธงนำ จึงจะประสบความสำเร็จ
“ต้องใช้ปัญญานำวัตถุ ใช้ปัญญานำเงิน ใช้ปัญญานำอำนาจ จึงจะนำประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ และในการสร้างอนาคต ถือว่าการศึกษามีความสำคัญที่สุด และเป็นหนทางเดียวที่จะนำประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ที่ผ่านมามีการวิจัยแล้วว่าการศึกษาเริ่มต้นที่วัยเด็กถ้าการลงทุนทรัพยากรต่างๆ เกี่ยวกับเด็กในช่วงอายุไม่เกิน 15 ปี สามารถมีผลตอบแทนถึง 7 เท่าหรือมากกว่า จุดสำคัญที่สุดของการพัฒนาการศึกษาต้องเริ่มทีวัยเด็ก และโรงเรียนตาดีกาเป็นหนึ่งในหนทางการพัฒนา”
“ขอแสดงความชื่นชมโรงเรียนตาดีกา แม้ในอดีตจะมีส่วนร่วมในการส่งเสริมอยู่เพียงระดับหนึ่ง แต่พอวันนี้ได้เห็นการพัฒนามีความก้าวหน้าแล้ว ก็อยากกราบเรียนทุกท่าน ความจริงปัญหาของประเทศไทย รวมถึงภาคใต้เราพยายามหาทางออกจากความขัดแย้ง พยายามหาทางออกเพื่อไปสู่แนวทางการพัฒนา แต่ความจริงทางออกมันมีอยู่แล้ว ก็คือการศึกษา” เลขาธิการพรรคประชาชาติ ระบุ

และว่า “จริงๆ แล้วรัฐธรรมนูญแม้จะออกโดยเผด็จการ แต่ผู้ร่างก็ยังพอมีใจกว้าง แต่รัฐบาลและผู้นำรัฐธรรมมนูญไปใช้เขาใจแคบ โดยเฉพาะใจแคบกับเรื่องการศึกษา การเลือกตั้งที่ผ่านมาถือว่าพรรคประชาชาติได้ 6 ที่นั่งจาก 11 ที่นั่ง ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที และพรรคประชาชาติก็เป็นพรรคการเมืองเดียวในภาคใต้ที่พร้อมจะยืนอยู่ข้างประชาชน ก็คือขอเป็นฝ่ายค้าน เพื่อเป็นปากเป็นเสียง แล้วก็เป็นการสะท้อนปัญหาให้ประชาชน ความมั่นคงของประชาชนกับความมั่นคงของรัฐบาลมันช่างสวนทางกันเหลือเกิน เหมือนเป็นคู่ขนาน ผมคิดว่าถึงเวลาที่พวกเราต้องตื่นรู้และเรียนรู้”